BIGFISH ENTERPRISE LIMITED
09 April 2025

AI กับบทบาทใหม่...ในโลกของอาชญากรรมไซเบอร์!

AI-Powered Cyber Attacks กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าภัยคุกคามออนไลน์แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน!

เกิดอะไรขึ้น?

อาชญากรไซเบอร์เริ่มใช้ AI และ Generative AI ในการ:

  • สร้าง อีเมลฟิชชิงที่เหมือนจริงมาก (Phishing Email แบบ Deepfake)
  • เจาะระบบด้วย มัลแวร์อัจฉริยะ ที่เรียนรู้พฤติกรรมของเหยื่อ
  • จำลองเสียง/ข้อความเพื่อ หลอกพนักงานให้โอนเงินหรือเปิดสิทธิ์เข้าระบบ

ทำไมมันถึงอันตราย?

  • ตรวจจับยากขึ้น เพราะ AI ทำให้ทุกอย่าง “เหมือนจริง”
  • พนักงานทั่วไปแยกของจริงกับของปลอมไม่ออก
  • มีแนวโน้มทำให้การแฮก รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิมหลายเท่า

เราจะป้องกันอย่างไร?

  • อบรมพนักงานให้รู้เท่าทันเทคนิคฟิชชิงแบบใหม่
  • ใช้ระบบ AI ต่อต้าน AI (เช่น Email Filtering อัจฉริยะ)
  • ใช้นโยบาย Zero Trust – ไม่เชื่อใครจนกว่าจะยืนยันได้
  • ตรวจสอบเสียง/วิดีโอแปลกปลอมที่อาจเป็น Deepfake

ผลกระทบของภัยคุกคามจาก AI ต่อองค์กร:

  1. ความเสี่ยงในการถูกโจมตีเพิ่มขึ้น
  • แฮกเกอร์สามารถใช้ AI สร้างอีเมลฟิชชิงที่เหมือนจริงมาก พนักงานจึงมีโอกาสติดกับได้ง่ายขึ้น
  • AI สามารถเจาะข้อมูลจากหลายแหล่ง รู้พฤติกรรมขององค์กร และโจมตีจุดอ่อนเฉพาะเจาะจง

  1. การตรวจจับและตอบสนองช้าลง
  • การโจมตีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซับซ้อน รวดเร็ว และยืดหยุ่น มากขึ้น
  • ระบบรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถวิเคราะห์หรือหยุดยั้งได้ทันเวลา

  1. ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของลูกค้าถูกกระทบ
  • หากข้อมูลรั่วไหลหรือระบบถูกโจมตีโดยใช้ Deepfake หรือ AI หลอกลวง
    องค์กรจะสูญเสียความเชื่อมั่นในแบรนด์ทันที
  • โดยเฉพาะองค์กรด้านการเงิน สุขภาพ หรือบริการสาธารณะ ที่ ต้องเก็บข้อมูลสำคัญของลูกค้า

  1. ค่าใช้จ่ายในการป้องกันและกู้ระบบสูงขึ้น
  • องค์กรต้องลงทุนใน เทคโนโลยีใหม่ เช่น AI-Powered Security, Threat Intelligence, Zero Trust
  • หากระบบถูกโจมตีแล้ว ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการกู้คืน และอาจโดนค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ

  1. ความจำเป็นในการ Upskill พนักงาน
  • พนักงานต้องเข้าใจภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น Deepfake, AI-Phishing, Social Engineering 5.0
  • องค์กรจำเป็นต้องจัด อบรม Cyber Awareness ที่อัปเดตตลอดเวลา

แนวทางป้องกันภัยไซเบอร์จาก AI อย่างรอบด้าน

  1. ใช้ AI ป้องกัน AI (AI vs AI)
  • ลงทุนใน AI-Based Threat Detection Systems เช่น XDR, SIEM, SOAR
  • ใช้ Machine Learning วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ (UEBA) เพื่อจับพฤติกรรมแปลกปลอมแบบเรียลไทม์

  1. Zero Trust Security Model
  • ไม่ให้สิทธิ์เข้าถึงระบบโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าใครก็ตาม
  • ตรวจสอบตัวตนและสิทธิ์ทุกครั้งที่มีการร้องขอข้อมูลหรือเข้าถึงระบบ (Always verify, never trust)

  1. Security Awareness Training แบบต่อเนื่อง
  • อบรมพนักงานให้รู้ทันฟิชชิงที่ใช้เทคนิค Deepfake / AI
  • จัดทำบททดสอบจำลอง (Phishing Simulation) เพื่อฝึกความพร้อม

  1. Multi-Factor Authentication (MFA)
  • บังคับใช้ MFA กับผู้ใช้ทุกระดับ โดยเฉพาะบัญชีผู้ดูแลระบบ (Admin Accounts)

  1. Endpoint Detection & Response (EDR)
  • ใช้ EDR หรือ XDR เพื่อตรวจสอบและตอบสนองภัยคุกคามบนอุปกรณ์ปลายทางอย่างอัตโนมัติ
  • บางระบบสามารถ “กักกัน” เครื่องที่ติดมัลแวร์ได้ทันที

  1. Secure Cloud Configuration
  • ตรวจสอบและตั้งค่าความปลอดภัยในระบบคลาวด์อย่างเหมาะสม เช่น IAM, Data Encryption, Logging
  • ใช้ Cloud Security Posture Management (CSPM) ตรวจจับความผิดปกติ

  1. Patch Management & Vulnerability Scanning
  • อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้เครื่องมือสแกนช่องโหว่เพื่อป้องกันการเจาะจาก AI bot ที่ค้นหาช่องโหว่อัตโนมัติ

  1. Data Loss Prevention (DLP)
  • ป้องกันข้อมูลรั่วไหล โดยกำหนดนโยบายการเข้าถึงและแชร์ข้อมูลภายในองค์กร

  1. Incident Response Plan (IRP) สำหรับภัยจาก AI
  • วางแผนล่วงหน้าเมื่อเกิดการโจมตีจากเทคนิค AI เช่น Deepfake Call, Fake Email
  • มีทีมรับมือเฉพาะกิจ พร้อมซ้อมเหตุการณ์จำลอง

AI ไม่ใช่แค่ "ความเสี่ยง" แต่ยังเป็น "เครื่องมือป้องกัน" หากใช้อย่างถูกต้อง องค์กรที่รับมือได้ดีที่สุด คือองค์กรที่ เตรียมตัวล่วงหน้า